ตอนแรกกะจะซื้อ ดอกแก้ว เดินไปเดินมาหลายร้าน แต่้ละร้านมีแต่ต้นใหญ่ๆ ไอ้จะแบกขึ้นรถเมล์กลับก็คงไม่ไหว
เลยเดินดูเรื่อยๆ ก็ไปเจอะกับป้ายบอกชื่อต้นไม้ ชื่อ "เมเปิ้ล" โอ้แม่จ้าวว ต้นเมเปิ้ลใบสีแดงๆ นั่นไง(*o*)..
ต้นเล็กถือง่ายด้วย ระหว่างเิดินไปถามเจ้าของร้าน ก็พลันนึกถึงฤดูหนาว มีต้นไม้ต้นใหญ่ ที่มีใบสีแดงๆ ร่วงเต็มพื้นสนาม โรแมนติก ..บ้านเราต้องเดิร์นกว่าบ้านอื่นๆ เป็นแน่ ... ลัลลา
พี่คนขายบอกว่า ราคา 30 บาท โอ้โห ถูกอีกด้วย ซื้อทันที แต่ก็ถามเพื่อให้แน่ใจ ว่า " เป็นต้นเมเปิ้ลที่ต้นมันใหญ่ๆ ใช่มั้ยคะ " เค้าบอกว่า " ครับ พอโตขึ้นมันจะเปลี่ยนสี " เค้าก็บอกแค่นั้น
พาเมเปิ้ลกลับหอด้วยความภาคภูมิใจ
พอถึงหอ นั่งค้นหาข้อมูลใน internet อ่านไปซักพัก ...ก็... อ้าววว ...
มันไม่ใช่พันธุ์ที่ใบเป็นสีแดงนี่ แล้วยังเปลี่ยนสีไม่ได้อีกด้วย (T.T) เศร้า..
ความฝันพังทลายลงตรงหน้าคอมพ์ เฮ้อ
ใบก็ไม่แดง ไม่มีผลให้กินอีก จะเอาไปปลูกให้รกทำไมเนี่ย..
ต้นจริงๆ ต้องเป็นเหมือนในภาพนี้ เป็น Red Maple Tree หรือ Acer Rubrum ..
ส่วนต้นที่ซื้อมาคือต้นนี้.. มันก็คล้ายกันอยู่นะ แต่กลัวจะเป็นต้นกระเจี๊ยบจัง
แล้วก็ไปอ่านความคิดเห็นในบอร์ดของ พันทิป ที่ทำให้เศร้าขึ้นไปอีก...
" เมเปิ้ลถ้าอากาศไม่เย็นจัด ประมาณ 0 ถึงต่ำกว่า 0องศานานๆ ใบไม่แดงให้เห็นค่ะ"
" อากาศที่เมเปิ้ลเปลี่ยนสีได้สวยคือ เย็นนานๆ ไม่ชื้น ไม่มีฝน ปีไหนที่ฝนตก มันจะเน่าก่อนเปลี่ยนสี ในบ้านเราคงหมดโอกาสได้ชมเหมือนต่างประเทศครับ "
" ตอนที่ผมซื้อต้น "ใบเมเปิ้ล" มาก็เพราะความเข้าใจผิด ซื้อที่ร้านในตลาดคำเที่ยงของเชียงใหม่ ต้นสูง ๑ ฟุต ๕๐ บาท ก็ สงสัยว่าทำไมเมเปิ้ลถึงราคาถูกจริง เลี้ยงไปแป๊บเดียวโตวัยเหมือนโกหก เลยคิดว่านี่ไม่ใช่ไม้ยืนต้นเป็นแน่ พอออกดอกเท่านั้นก็รู้่ว่าไม่ใช่เมเปิ้ลที่เคยเห็นมาก่อน พอมีฝัก มีลูกก็ร้องอ๋อว่าน่าจะเป็นกระเจี๊ยบพันธุ์หนึ่งนั่นเอง ทั้งใบ ดอก และผล คล้ายกันหมด เมล็ดจากฝักก็ปลูกง่าย ชำกิ่งก็ง่ายเช่นกัน และเหมือนที่คุณ opus ว่าเพลี้ยแป้ง รุมประจำเหมือนชบาเลย เอ.. สงสัยจะเป็นญาติห่างๆ กันอีก พอกลับ ไปถามที่ร้านเขาก็บอกว่าชื่อต้นใบเมเปิ้ล ไม่ใช่เมเปิ้ล ด้วยความที่ผมดีใจตอนนั้นว่าเจอต้นเมเปิ้ลราคาถูก เลยไม่ได้สะกิดใจกับชื่อที่เขาบอกมาแต่แรก ต้นนี้เป็นไม้ใหม่ครับ เพิ่งเข้ามา ที่มาของต้นใบเมเปิ้ลก็มีอย่างนี้แหละครับ ต้น "ใบเมเปิ้ล" ก็คือ Hibiscus acetosella ถูกเหมือนกับที่เดาว่าเป็นญาติกับชบา และ กระเจี๊ยบก็คือ Hibiscus sabdariffa ครับ ส่วนชื่อทั่วไปที่เรียกกันคือ Maple Sugar "
อืมมม..... ความคิดเห็นสุดท้าย ซื้อที่เดียวกับเราเลย
แล้วไอ้ต้นนี้ล่ะ ..มันต้นอะไร.. (T.T)
วิธีการเพาะเม็ดเมเปิล (.. เผื่อจะมีโอกาส..)
1. แช่น้ำอุ่น 24 หรือ 48 ชม.(แล้วแต่ชนิด)
2. เพาะเม็ดในตู้เย็นช่องธรรมดาโดยใช้ขุยมะพร้าว รดน้ำสัปดาห์ละครั้งนาน 2-4 เดือนแล้วแต่ชนิด เมื่อเวลาฝ่านไปสองเดือนก็เปิดดูทุกวันเพราะมันอาจจะเริ่มงอก พองอกแล้วก็เอาออกมาเพาะนอกตู้เย็นได้คับ
3.เมื่อครบกำหนด 2-3 เดือน(แล้วแต่ว่าเป็นชนิดไหน) ก็เอาออกมาเพาะข้างนอกรดนำ1-2 วันครั้ง
4.ถ้ายังไม่งอกอีกก็ลองทำซ้ำกระบวนการเดิมจาก 1-3 คับ
ปัญหาที่ทำให้เพาะแล้วไม่งอกอีกอย่างหนึงก็คือเมล็ดมันตายไปแล้ว อาจจะเกิดจากการเก็บรักษาไม่ดี หรือเก็บไว้นานเกินไป
ขอบคุณข้อมูลจาก
- บอร์ดใน puntip
-คุณใจ๋ จากบอร์ด puntown
ปล. ตอนกลับบ้านหักยอดมันออก(ต้นมันสูงเอากลับลำบาก เลยต้องจำใจหักทิ้ง) แล้วเอาไปตกแต่งห้องน้ำ
ปรากฏว่ามันอยู่ได้นานมากเป็นอาทิตย์เลย กว่าจะเหี่ยว
