Tuesday, March 23, 2010

หนังสือเดินสู่อิสรภาพ และหนังสือหมาๆ หนึ่งหัวใจสู่หลายชีวิต



วันนี้หลังเลิกงานแวะร้านดวงกมล ได้หนังสือเล่มใหม่กลับมาอีกหนึ่งเล่ม

หนังสือเรื่อง "เดินสู่อิสระภาพ" ของ ประมวล เพ็งจันทร์

พอเห็นปุ๊บสนใจปั๊บ (..อีกแล้ว..)


อ่านข้อความหลังปกหนังสือเสร็จ โอ้จอร์จ หนังสือดีนี่นา.. อยากได้.. จะซื้อ...

ชำเลืองดูราคา (- -")


........ 300 บาท...... เกิดลังเลขึ้นมา........

แต่เอาวะ หนังสือน่าสนใจขนาดนี้ จะไม่ซื้อได้ไง

หลังจากนั้นก็หอบหนังสือเล่มใหม่กลับมา


ตอนแรกว่าจะอ่านให้จบก่อน แล้วค่อยเอามาเขียนบล็อก

แต่พออ่านคำนิยมจากสำนักพิมพ์ที่บอกว่า 


"..เมื่ออ่านอีกครั้งแบบสบายๆ ไม่เป็นวัยรุ่นใจร้อน ค่อยๆอ่านไปเรื่อยๆ จนจบเล่ม รู้สึกว่าตนเองเริ่มมองผู้คนและสิ่งต่างๆ เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว รู้สึกยิ้มได้กับชีวิตมากขึ้น โดยไม่ต้องใช้เหตุผลมาเป็นแรงจูงใจให้เราคิดแบบนั้นเหมือนแต่ก่อน... 

...ความรู้สึกที่ได้ซึมซับจากการอ่านไปเรื่อยๆ ได้ติดตัวมาอยู่กับเราด้วยในชีวิตประจำวันโดยไม่รู้ตัว เราได้กำจัดขยะทางใจที่เราสร้างกองสูงสะสมมาตลอดชีวิตให้ค่อยๆ เล็กลงได้แล้ว..."



ประโยคเหล่านี้ทำให้เราอยากจะค่อยๆ อ่าน โดยไม่รีบร้อนเหมือนกับการอ่านหนังสือนิยาย

จึงเอามาเขียนบล็อกเอาไว้ก่อน





หนังสืออีกเล่มที่ได้อ่านในวันนี้ ก็คือ

หนังสือเรื่อง "หนึ่งหัวใจ สู่หลายชีวิต" ของปนัดดา ชัยสวัสดิ์


เล่มนี้ไม่ได้ซื้อ แต่ได้ผลบุญจากพี่นุช ผู้ที่รักหมาเป็นชีวิตจิตใจเหมือนกัน





.....


ความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตนี้ คือ การได้เห็นหมา ..

แค่ได้เห็นก็ทำให้มีความสุขแล้ว ไม่ว่าหมาตัวนั้นจะสภาพน่ารักหรือไม่

...บางทียังรู้สึกว่าเราเอ็นดูหมามากกว่าเอ็นดูคนซะอีก

เพราะคนเราจิตใจยากแ้ท้หยั่งถึง แต่กับหมาเค้าเหมือนกับเด็กที่เป็นผ้าขาวบาง

ที่มีความคิดไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย


สำหรับหนังสือเล่มนี้ พออ่านแล้ว ยิ้มได้ 

แต่บางทีก็เศร้าไปกับชีวิตหมาน้อยผู้น่าสงสาร

สำหรับคนรักหมา เล่มนี้น่าอ่านมาก มีรูปน่ารักๆ เพียบเลย


****************************************************************

Note : นึกขึ้นไ้ด้ว่าเคยอ่านหนังสือของ แม่วาดเมียบียอร์น

รู้สึกชอบ.. แต่ลืม เพราะเคยอ่านนานแล้ว ตั้งแต่เรียนสมัยมัธยม

..จดเอาไว้ก่อน แล้วค่อยหามาอ่านทีหลัง..

****************************************************************





ไปเก็บผักใน facebook แล้วค่อยอ่านหนังสือต่อล่ะ


เ้จอกันใหม่ เวลาที่มีเรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิต...



Sunday, March 7, 2010

คนโรคจิต


เมื่อวันเสาร์ ในตอนบ่ายของวันทำงานปกติ
ก็มีโทรศัพท์เข้ามา เป็นเบอร์แปลกหน้า
ก็รับ ฮัลโหล.. แล้วก็ได้ยินเสียงพูดเบาๆ พูดอะไรซักอย่าง
ไอ้เราไม่่ได้ยิน ก็อะไรนะคะ ๆ อยู่หลายรอบ
ทีนี้ก็เค้าก็พูดมาเลย ว่าขอคุยด้วยหน่อย กำลัง....อยู่
อ่อ ไอ้โรคจิตคนเดิมนั่นเอง
หลังจากเคยรับโทรศัพท์แบบนี้ มาสองสามครั้ง
ก็ยื่นให้หัวหน้าที่เป็นผู้ชาย
มันก็เงียบ ไม่ยอมพูด แล้วก็วางหูไป


ตอน 11 โมงของวันอาทิตย์ วันหยุด
ก็ออกไปห้องสมุดประชาชน
เดินดูหนังสือรอบๆ ห้อง ก็เดินไปสบตากับผู้ชายคนหนึ่ง
กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ
ก็ไม่ได้สนใจ ยืนอ่านหนังสือต่อ
ซักพัก ผู้ชายคนนั้นก็เข้ามาถามแบบสุภาพ แต่เสียงเบาๆ

ผู้ชายคนนั้น : เรียนที่ใหนครับ ผมมาทำวิทยานิพนธ์อยู่ทีี่นี่
เราเอง : ทำงานแล้วค่ะ
ผู้ชายคนนั้น : ขอเป็นคนรู้จักได้ไหมครับ (หรือพูดว่าขอเป็นเพื่อนอะไรซักอย่าง ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเพาะพูดเบามาก)
เราเอง : เอ่ออ ค่ะ ... ห้องสมุดที่นี่ยืมหนังสือไปอ่านได้มั้ยคะ คือมาหาหนังสือไปอ่านน่ะค่ะ (ออกแนวงงๆ แล้วชวนคุยเืรื่องอื่น)
ผู้ชายคนนั้น : ครับ ได้ครับ แล้วทำงานที่ใหนครับ
เราเอง : ที่... ค่ะ
ผู้ชายคนนั้น : เอ่อ ขอโทรไปคุยได้มั้ยครับ
เราเอง : เอ่อ มีแฟนแล้วค่ะ ..ขอตัวก่อนนะคะ (เอามั้ยล่ะ มาแนวนี้นี่หว่า..)
ผู้ชายคนนั้น : แฟนไม่มาด้วยกันหรอครับ
เราเอง : ไม่ค่ะ (แ้ล้วก็เดินออกไป)

ไม่ได้บอกว่าคนๆนี้เป็นโรคจิตรึเปล่า
แต่น้ำเสียงที่ใช้พูด มันเหมือนพวกโรคจิตมาก น่ากลัวๆ

อุตส่าห์จะไปหาหนังสืออ่านหลายๆเล่ม จะได้อ่านได้ทั้งอาทิตย์
แต่ไปเจอแบบนี้เข้า ก็เลยต้องรีบออกมา
ได้มาแค่สองเล่ม เล่มแรก



เรื่องผจญโลกล้านไมล์กับวัย 18 ..ท่าทางสนุก
เรื่องที่สอง เรื่องทองแดง ฉบับการ์ตูน
(อ่านเสร็จแล้ว น่ารัก อ่านไปยิ้มไป พระเจ้าอยู่หัวเป็นคนที่อ่อนโยนมาก)



Thursday, March 4, 2010

hana's suitcase หนังสือเล่มโปรดเล่มใหม่ ..ขอให้ฮันนาไปสู่สุขติ...




เมื่อวานแวะไปที่ร้านดวงกมล เชียงใหม่ ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่ง
hana's suitcase หรือเรื่อง กระเป๋าเดินทางของฮันนา

เพียงแค่เห็นแว๊บเดียว ก็หยิบมันขึ้นมาดู
และใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีในการซื้อหนังสือเล่มนี้

หนังสือ hana's suitcase เป็นเรื่องจริงเกี่ยวกับ เด็กผู้หญิงชาวยิวคนหนึ่ง
ที่ถูกพลัดพรากจากพ่อแม่ และพี่ชาย และสุดท้ายถูกฆ่าตาย
เพียงแค่เพราะเค้าเป็นคนยิว

โดยเริ่มเรื่องจากกลุ่มเด็กชาวญี่ปุ่นที่สนใจเรื่องโศกนาฏกรรมการสังหารหมู่ ได้รับกระเป๋าของเด็กชาวยิวที่ถูกฆาตกรรม จึงทำให้เกิดความสงสัย และสนใจว่าเจ้าของกระเป๋านั้นเป็นคนอย่างไร มีชีวิตแบบใหนในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของการค้นพบความจริงที่น่าหดหู่ แต่ก็เป็นการค้นพบที่น่าประทับใจ


หนังสือเล่มนี้เป็น วรรณกรรมสำหรับเด็ก แต่เรื่องค่อนข้างทำร้ายจิตใจผู้อ่านมาก
แต่ก็ประทับใจมากๆ ด้วยเหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าพอเด็กอ่านแล้วจะรู้สึกยังไง
อย่างน้อยที่ได้จากหนังสือ ก็คือความโหดร้ายของฮิตเลอร์ การแบ่งแยกเชื้อชาติ ที่มันนำมาซึ่งความโศกเศร้า ความสูญเสีย
และสิ่งที่ได้อีกอย่างคือ ความอดทนของหญิงชาวญี่ปุ่น ที่พยายามค้นหาความจริงเกี่ยวกับเจ้าของกระเป๋าเดินทางใบนั้น

อยากจะเล่าว่า.. ตอนที่อ่านถึงบทเกือบสุดท้าย ที่พี่ชายของฮันนาคนที่รอดชีวิตมาเจอกระเป๋าของน้องสาวนั้น

(T,T) มันทำให้เราร้องไห้ อ่านไปร้องไป แล้วก็คิดแต่ว่าขอให้ฮันนาไปสู่สุขตินะ











Remember Hana Brady







ถึงแม้ว่าเรื่องมันจะผ่านมานานแค่ใหนแล้ว..

แต่ก็ขอให้เด็กน้อย Hana Brady ไปสู่สุขติ ...